วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียนครั้งที่ 4 วันอังคารที่ 30 สิงหาคม 2559

บันทึกการเรียนครั้งที่ 4 
วันอังคารที่ 30 สิงหาคม 2559
ความรู้ที่ได้รับ
  1. อธิบายแนวการสอน
  2. ทบทวนพยัญชนะไทย 
  3. แบ่งกลุ่ม 5 คน คิดวิธีการสอนในหัวข้อ "อากาศ"
พยัญชนะไทย



เรื่อง อากาศ
อุปกรณ์
1.กระดาษ

2.คลิป

โจทย์ : ใช้กระดาษ และ คลิป คิดวิธีการสอน ในเรื่องของอากาศ

กลุ่มที่ 1 เรื่อง ฤดูฝน

กลุ่มที่ 2 เรื่อง พัด

กลุ่มที่ 3 เรื่อง กังหันลม

กลุ่มที่ 4 เรื่อง แรงต้านอากาศ
กลุ่มที่ 5 เรื่อง ฤดูกาล

กลุ่มที่ 6 เรื่อง ลมบกลมทะเล


กลุ่มที่ 6 เรื่อง ลมบกลมทะเล






วิธีการสอน
  1. ร้องเพลง " โอ้ทะเลแสนงาม"
  2. ถามเด็ก ๆ ว่า " เคยไปทะเลไหม ? / เห็นอะไรในทะเลบ้าง (เรือ)
  3. อธิบายความหมายของลมบกลมทะเล
  4. สอนวิธีพับเรือด้วยกระดาษ
  5. เล่นเกมลมบกลมทะเล 
วิธีเล่น 
  1. แบ่งวงกลม 2 วง 
  2. วงที่ 1 บนฝั่ง
  3. วงที่ 2 ในทะเล
  4. ถ้าครูพูดว่า "ลมบก" ให้กระโดดเข้า วงที่ 1 บนฝั่ง
  5. ถ้าครูพูดว่า "ลมทะเล" ให้กระโดดเข้า วงที่ 2 ในทะเล
แก้ไข : เนื้อเรื่องไกลตัวเด็กเกินไป ควรหาเรื่องที่ใกล้ตัวเด็ก 

วิธีการกำหนดหน่วยการสอน หาความหมายของคำว่า "อากาศ" คือ ลมมีการเคลื่อนที่


กระบวรการทางวิทยาศาสตร์
  1. ตั้งปัญหา
  2. ตั้งสมมุติฐาน
  3. ทดลอง
  4. สรุปผล
วิธีการเรียนรู้ของเด็ก

  1. สมอง
  2. พัฒนาการ
  3. คุณลักษณะตามวัย
  4. ธรรมชาติของเด็ก:พฤติกรรมองค์รวม





การบ้าน : หาของเล่นคนละ 1 อย่าง ที่ให้ประสบการณ์ทางวิทยาศาสตร์ (ศิลปะ)



"ธนูจิ๋ว"


การประยุกต์ใช้ 
 กิจกรรมแบ่งกลุ่ม คิดหัวข้อการสอน " อากาศ"เป็นตัวอย่างที่ดีในการสร้างกระบวนการคิด แผนการสอนในการสอน ในหน่วยต่างๆ สามารถกระบวนการคิดนี้ ไปปรับใช้กับหน่วย อื่นๆ ได้ 

คำศัพท์
  1. assimilation:การซึมซับ
  2. accommodation:ปรับความรู้ใหม่
  3. Tiny bow:ธนูจิ๋ว
  4. Season:ฤดูกาล
  5. rainy season : ฤดูฝน
ประเมิน
ตนเอง:กิจกรรมมีความหลากหลาย ได้ใช้ความคิดร่วมกัน
เพื่อน:เพื่อนช่วยกันคิดอย่างตั้งใจ มีถกเกถียงกันบ้าง ได้ฝึกการทำงานเป็นทีม ยอมรับความคิดเห็นกัน
อาจารย์:มีวิธีการสอนที่หลากหลาย ได้ลงมือคิด และทำจริง ๆ และแนะนำ วิธีที่ถูกต้องให้ค่ะ


วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียนครั้งที่ 3 วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ.2559

บันทึกการเรียนครั้งที่ 3
วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ.2559
ความรู้ที่ได้รับ

  • รูปแบบการเรียนรู้เด็กปฐมวัย
  • คุณลักษณะตามวัยของเด็กอายุ 3-5 ปี
  • ทฤษฏีการเรียนรู้
  • การพัฒนาการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย
  • การเรียนรู้แบบองค์รวม


เด็กอายุ 3 ปี 



พัฒนาการด้านร่างกาย

  1. กระโดดขึ้นลงอยู่กับที่ได้
  2. รับลูกบอลด้วยมือและลำตัว
  3. เดินขึ้นบันไดสลับเท้าได้
  4. เขียนรูปวงกลมตามแบบได้
  5. ใช้กรรไกรมือเดียวได้

พัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจ

  1. แสดงอารมณ์ตามความรู้สึก
  2. ชอบจะทำให้ผู้ใหญ่พอใจและรับคำชม
  3. กลัวการพลัดพรากจากผู้เลี้ยงดูใกล้ชิดน้อยลง

พัฒนาการด้านสังคม

  1. รับประทานอาหารได้ด้วยตนเอง
  2. ชอบเล่นเเบบคู่ขนาน
  3. เล่นสมมติได้
  4. รู้จักการรอคอย

พัฒนาการด้านสติปัญญา

  1. สำรวจสิ่งต่างๆที่เหมือนกันและต่างกันได้
  2. บอกชื่อของตนเองได้
  3. ขอความช่วยเหลือเมื่อมีปัญหา
  4. สนทนาโต้ตอบเล่าเรื่องประโยคสั้นๆได้
  5. สนใจนิทานและเรื่องราวต่างๆ
  6. ร้องเพลง ท่องคำกลอน คำคล้องจองง่ายๆและแสดงเลียนเเบบท่าทางได้
  7. รู้จักใช้คำถาม อะไร
  8. สร้างผลงานตามความคิดของตนเองอย่างง่ายๆได้
  9. อยากรู้อยากเห็นทุกอย่างรอบตัว

เด็กอายุ 4 ปี


พัฒนาการด้านร่างกาย
  1. กระโดดขาเดียวอยู่กับที่ได้
  2. รับลูกบอลได้ด้วยมือทั้งสองข้าง
  3. เดินขึ้นลงบันไดสลับเท้าได้
  4. เขียนรูปสี่เหลี่ยมตามแบบได้
  5. ตัดกระดาษตามแนวเส้นตรงได้
  6. กระฉับกระเฉงไม่อยู่เฉย
พัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจ
  1. แสดงออกทางอารมณ์ได้เหมาะสมบางสถานการณ์
  2. เริ่มรู้จักชื่นชมความสามารถเเละผลงานตนเองและของผู้อื่น
  3. ชอบท้าทายผู้ใหญ่
  4. ต้องการให้มีคนฟังคนสนใจ
พัฒนาการด้านสังคม

  1. เล่นร่วมกับคนอื่นได้
  2. รอคอยตามลำดับก่อนหลัง
  3. แบ่งของให้คนอื่น
  4. เก็บของเล่นเข้าที่ได้
พัฒนาการด้านสติปัญญา

  1. จำแนกสิ่งต่างๆด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้
  2. บอกชื่อและนามสกุลของตนเองได้
  3. พยายามแก้ไขด้วยตนเองหลังจากได้รับคำชี้แนะ
  4. สนทนาโต้ตอบเล่าเรื่องเป็นประโยคต่อเนื่องได้
  5. สร้างผลงานตามความคิดของตนเองโดยมีรายละเอียดเพิ่มขึ้น
  6. รู้จักใช้คำถามว่าทำไม

เด็กอายุ 5 ปี

พัฒนาการด้านร่างกาย

  1. กระโดดขาเดียวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องได้
  2. รับลูกบอลที่กระดอนขึ้นจากพื้นได้ด้วยมือทั้งสอง
  3. เดินขึ้นลงบันไดสลับเท้าได้อย่างคล่องแคล่ว
  4. เขียนรูปสามเหลี่ยมตามแบบได้
  5. ตัดกระดาษตามแนวเส้นโค้งที่กำหนด
  6. ใช้กล้ามเนื้อเล็กได้ดี
  7. ยืดตัว คล่องเเคล่ว
พัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจ

  1. แสดงอารมณ์ได้สอดคล้องกับสถานการณ์ได้เหมาะสม
  2. ชื่นชมความสามารถเเละผลงานตนเองและของผู้อื่น
  3. ยึดตนเองเป็นศูนย์กลางน้อยลง
พัฒนาการด้านสังคม

  1. ปฎิบัติกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเอง
  2. เล่นและทำงานโดยมีจุดมุ่งหมายร่วมกับผู้อื่นได้
  3. พบผู้ใหญ่รู้จักไหว้ ทำความเคารพ
  4. รู้จักขอบคุณเมื่อรับของจากผู้ใหญ่
  5. รับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมาย
พัฒนาการด้านสติปัญญา

  1. บอกความแตกต่างของกลิ่น สี เสียง รส รูปร่าง จำแนกและจัดหมวดหมู่สิ่งของได้สิ่งต่างๆด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้
  2. บอกชื่อและนามสกุลและอายุของตนเองได้
  3. พยายามหาวิธีแก้ปัญหาด้วยตนเอง
  4. โต้ตอบเล่าเป็นเรื่องเป็นราวได้
  5. สร้างผลงานตามความคิดของตนเองโดยมีรายละเอียดเพิ่มขึ้นและแปลกใหม่
  6. รู้จักใช้คำถามว่าทำไม อย่างไร
  7. เริ่มเข้าใจสิ่งที่เป็นนามธรรม



ทฤษฏีการเรียนรู้


  • พาฟลอฟ

ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิค (Classical Conditioning) 
     ผู้ที่ทำการศึกษาทดลองในเรื่องนี้คือ พาฟลอฟ (Pavlov) ทำการศึกษาทดลองกับสุนัข โดยฝึกสุนัขให้ยืนนิ่งอยู่ในที่ตรึงในห้องทดลอง ที่ข้างแก้มของสุนัขติดเครื่องมือวัดระดับการไหลของน้ำลาย การทดลองแบ่งออกเป็น 3 ขั้น คือ ก่อนการวางเงื่อนไข ระหว่างการวางเงื่อนไข และหลังการวางเงื่อนไข

ขั้นที่ 1 เสียงกระดิ่ง (CS) ไม่มีน้ำลาย ผงเนื้อ (UCS) น้ำลายไหล (UCR)
ขั้นที่ 2 เสียงกระดิ่ง น้ำลายไหล (UCR) และผงเนื้อ (UCS) ทำขั้นที่ 2 ซ้ำกันหลายๆครั้ง
ขั้นที่ 3 เสียงกระดิ่ง (CS) น้ำลายไหล (CR) 
        การเรียนรู้แบบวางเงื่อนไขแบบคลาสสิคคือการตอบสนองที่เป็นไปโดยอัตโนมัติเมื่อนำสิ่งเร้าใหม่มาควบคู่กับสิ่งเร้าเดิม ซึ่งนักจิตวิทยาเรียกพฤติกรรมการตอบสนองนี้ว่าพฤติกรรมเรสปอนเด้นท์

     Pavlov พบว่า ถ้าสั่นกระดิ่งพร้อมกับการให้อาหารทุกครั้งสุนัขที่หิวเมื่อเห็นอาหารหรือได้กลิ่นจะหลั่งน้ำลายหลังจากการฝึกเช่นนี้มานาน เสียงกระดิ่งเพียงอย่างเดียวสามารถทำให้สุนัขหลั่งน้ำลายได้ การทดลองนี้สิ่งเร้าคือ อาหารเป็นสิ่งเร้าที่แท้จริง หรือ สิ่งเร้าที่ไม่มีเงื่อนไข ( unconditioned stimulus ) ส่วนเสียงกระดิ่งเป็นสิ่งเร้าไม่แท้จริงหรือ สิ่งเร้ามีเงื่อนไข ( conditioned stimulus )


  •  วัตสัน (Watson)

การนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ( การทดลองของ Watson )
   ความรู้สึกบางอย่างมีมาตั้งแต่กำเนิด เช่น ความรัก ความโกรธ ความกลัว ฯลฯ
การทดลองของ Watson

   วัตสันได้ทำการทดลองเกี่ยวกับการเรียนรู้ของคน โดยใช้เด็กชาย Albert อายุประมาณ 2 ขวบ โดยที่เขาให้ข้อสังเกตว่า โดยธรรมชาติแล้วเด็กๆจะกลัวเสียงที่ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน จุดประสงค์ของการทดลองคือการให้ Albert เอื้อมมือจะจับหนู Watson ใช้ค้อนตีเหล็กเสียงดังสนั่น เด็กแสดงอาการตกใจกลัว หลังจากนั้น เด็กแสดงอาการกลัวหนูถึงแม้ไม่ได้ยินเสียงฆ้องตีดังๆ ก็ตาม ในสถานการณ์เช่นรี้เด็กเกิดการเรียนรู้ชนิดเชื่อมโยงระหว่างเสียงดัง ซึ่งทำให้เด็กเกิดความกลัวขึ้นตามธรรมชาติกับหนู
 
     จากการทดลองของ Watson ปรากฎว่า Albert มิได้กลัวแต่เพียงหนูเท่านั้น แต่จะกลัวสัตว์มีขนทุกชนิด รวมทั้งเสื้อที่มีขนด้วย ความสำเร็จครั้งนี้ของวัตสัน ทำให้เขาคิดว่าเขาจะสามารถควบคุมพฤติกรรมทุกชนิดของคนได้
  • กีเซลล์ (Gesell)
  1. ของเด็กเป็นไปอย่างมีแบบแผนและเป็นขั้นตอน 
  2. เด็กควรพัฒนาไปตามธรรมชาติไม่ควรเร่งหรือบังคับ
  3. การเรียนรู้ของเด็กเกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวการใช้ภาษาการปรับตัวเข้าสังคมกับบุคคลรอบข้าง 
  4. การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก จัดกิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ ให้เด็กได้เล่นกลางแจ้ง 
  5. จัดกิจกรรมสร้างสรรค์ฝึกการใช้มือและประสาทสัมพันธ์มือกับตาจัดกิจกรรมให้เด็กได้ฟัง ได้พูดท่องคำ
  • ฟรอยด์ ( Freud )
  1. ประสบการณ์ในวัยเด็กส่งผลต่อบุคลิกภาพของคนเราเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ 
  2. หากเด็กไม่ได้รับการตอบสนองอย่างเพีงพอจะเกิดอาการชะงัก พฤติกรรมถดถอย คับข้องใจ ส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กการปฏิบัติการพัฒนาเด็ก 
  3. ครูเป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งการแสดงออก ท่าที วาจา 
  4. จัดกิจกรรมเป็นขั้นตอน จากง่ายไปหายาก
  5. จัดสิ่งแวดล้อมที่บ้านและโรงเรียนเพื่อส่งเสริมพัฒนาบุคลิกภาพของเด็ก
  • อิริคสัน ( Erikson )
  1. ถ้าเด็กอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เด็กพอใจ ประสบผลสำเร็จ เด็กจะมองโลกในแง่ดี มีความเชื่อมั่นและไว้วางใจผู้อื่น
  2. ด็กอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดี ไม่พอใจ จะมองโลกในแง่ร้าย ขาดความเชื่อมั่นในตนเองและไม่ไว้วางใจผู้อื่น
  3. การปฏิบัติการพัฒนาเด็กจัดกิจกรรมให้เด็กได้ประสบผลสำเร็จ พึงพอใจต่อสภาพแวดล้อมของห้องเรียน เพื่อน ครู จัดบรรยากาศในห้องเรียนให้เด็กมีโอกาสสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อสภาพแวดล้อม ครู และเพื่อนๆ
  • เพียเจท์ ( Piaget )
  1. พัฒนาการทางด้านเชาว์ปัญญาของเด็กเกิดจากการที่เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว
  2. เด็กมีการรับรู้จากสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
  3. มีการปรับขยายประสบการณ์เดิม ความคิดและความเข้าใจให้ขยายมากขึ้น

พัฒนาการของเด็กปฐมวัย ( 0-6 ปี )
         1) ขั้นประสาทสัมผัสและการเคลื่อนไหว วัย 0-2ปี เด็กเรียนรู้ทุกอย่างทางประสาทสัมผัสทุกด้าน
         2) ขั้นความคิดก่อนปฏิบัติการวัย 2-6 ปี เริ่มเรียนภาษาพูดและภาษาท่าทางในการสื่อสาร ยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง คิดหาเหตุผลไม่ได้ จัดหมวดหมู่ได้ตามเกณฑ์ของตนเอง

  1. การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก
  2. จัดกิจกรรมให้เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5
  3. จัดให้เด็กฝึกฝนทักษะ การสังเกต การจำแนกเปรียบเทียบ
  4. จัดกิจกรรมให้เด็กมีโอกาสคิดหาเหตุผล เลือกและตัดสินใจสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง
  5. จัดให้เด็กได้เรียนรู้จากสิ่งใกล้ตัวไปสู่เรื่องไกลตัวและมีลักษณะที่เป็นรูปธรรม
  • ดิวอี้ ( Dewey )
  1. เด็กเรียนรู้โดยการกระทำ การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก 
  2. จัดกิจกรรมให้เด็กได้ประสบผลสำเร็จ 
  3. พึงพอใจต่อสภาพแวดล้อมของห้องเรียน เพื่อน ครู 
  4. จัดบรรยากาศในห้องเรียนให้เด็กมีโอกาสสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อสภาพแวดล้อม ครู และเพื่อนๆ
  • สกินเนอร์ ( Skinner )
  1. ถ้าเด็กได้รับการชมเชยและประสบผลสำเร็จในการทำกิจกรรมเด็กสนใจที่ทำต่อไป
  2. เด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ไม่มีใครเหมือนใคร
  3. การปฏิบัติการพัฒนาเด็กให้แรงเสริม เช่น ชมเชย ชื่นชม เมื่อเด็กทำกิจกรรมประสบผลสำเร็จ 
  4. ไม่นำเด็กมาเปรียบเทียบแข่งขันกัน
  • เปสตาลอสซี่ ( Pestalozzi )
  1. ความรักเป็นพื้นฐานสำคัญและจำเป็นต่อการพัฒนาเด็ก ทั้งด้านร่างกายและสติปัญญา 
  2. เด็กแต่ละคนแตกต่างกัน ทั้งด้านความสนใจ ความต้องการ และระดับความสามารถในการเรียน
  3. เด็กไม่ควรถูกบังคับให้เรียนรู้ด้วยการท่องจำ
  4. การปฏิบัติการพัฒนาเด็กจัดกิจกรรมเตรียมความพร้อมให้ความรักให้เวลาและให้เด็กเรียนรู้จากประสบการณ์
  • เฟรอเบล ( Froeble )
  1. ควรส่งเสริมพัฒนาการตามธรรมชาติของเด็กด้วยการกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ อย่างเสรี 
  2. การเล่นเป็นการทำงานและการเรียนรู้ของเด็ก 
  3. การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก 
  4. จัดกิจกรรมเรียนรู้ผ่านการเล่นอย่างเสรี
  • เอลคายน์ ( Elkind )
  1. การเร่งเด็กให้เรียนรู้แต่เด็กเป็นอันตรายต่อเด็ก
  2. เด็กควรมีโอกาสเล่นและเลือกกิจกรรมการเล่นด้วยตนเอง
  3. การปฏิบัติการพัฒนาเด็ก
  4. จัดบรรยายกาศในห้องเรียนให้เด็กมีโอกาสเล่นและเลือกกิจกรรมการเล่นด้วยตนเอง
  5. การพัฒนาการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย

สรุป หลักการจัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย พัฒนาเด็กให้ครบทุกพัฒนาการ เน้นให้เด็กช่วยเหลือตนเองและอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข กิจกรรมที่จัดต้องมีความสมดุล ยึดเด็กเป็นสำคัญ และต้องประสานสัมพันธ์กับครอบครัวและชุมชน
  • การพัฒนาการเรียนรู้สำหรับเด็กปฐมวัย


  • การเรียนรู้แบบองค์รวม


การประยุกต์ใช้ 
 การทราบถึงรูปแบบการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย สามารถนำไปจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับคุณลักษณะตามวัยได้อย่างเหมาะสมกับพัฒนาการ และ ทฤษฏีต่างๆ สามารถนำไปปรับใช้ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมต่างๆ ของเด็ก ในช่วงอายุต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม 

คำศัพท์

  1. body:ร่างกาย
  2. Emotion:อารมณ์
  3. mind:จิตใจ
  4. social:สังคม
  5. intelligence:สติปัญญา
ประเมิน
ตนเอง:เนื้อหาเข้าใจง่าย เป็นระบบ 
เพื่อน:เพื่อนตั้งใจเรียนดี มีชีสประกอบ
อาจารย์:อาจารย์มีเอกสารแจกให้ เนื้อหาเข้าใจง่าย รวบรัดดีค่ะ อยากให้อาจารย์มีเอกสารอ้างอิงทฤษฏี หรือคีย์เวิดของคำบางเนื้อหาที่ต้องจำไปสอน แต่เว้นคำอธิบายไว้ให้กลับไปเติมลงบล็อคตามความเข้าใจของแต่ละคนเอง จะได้เข้าใจหัวเรื่อง หรือคีย์เวิดของคำไปในทางเดียวกันทั้งเซคค่ะ

วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2559

บันทึกการเรียนครั้งที่ 2 วันอังคาร ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ.2559

บันทึกการเรียนครั้งที่ 2
วันอังคาร ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ.2559
เด็กปฐมวัย
  • แรกเกิด - 5 ปี 11 เดือน 29 วัน
  • พัฒนาการ 4 ด้าน
  • การเลียนแบบ/อยากรู้อยากเห็น

สรุป การเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปตามลำดับขั้นตอนอย่างต่อเนื่องซึ่งจะบ่งบอกถึงความสามารถของเด็กในแต่ละระดับอายุ จึงเกิดการเปลี่ยนแปลง ตามวุฒิภาวะ การเลียนแบบและอยากรู้อยากเห็นเป็นพฤติกรรมที่สะท้อนจากพัฒนาการ

ออกแบบกิจกรรมให้สอดคล้องต่อพัฒนาการ


  • สมอง > พัฒนาการ > เลียนแบบ/อยากรู้อยากเห็น (ตุ๊กตาแมว/บ้านยาย/แมวข่วน)
  • ความรู้เดิม > ปรับตัว > ความรู้ใหม่
คำศัพท์
  1. สมอง:brain
  2. พัฒนาการ:development
  3. เลียนแบบ:parody
  4. ความรู้เดิม:Prior Knowledge
  5. ความรู้ใหม่:New knowledge
การประยุกต์ใช้ 
 การทราบถึงวุฒิภาวะของเด็ก สามารถทำให้คุณครูเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ตามช่วงอายุ ตามพัฒนาการของเด็ก ๆ ได้อย่างถูกต้อง และเข้าใจเกี่ยวกับอารมณ์ หรือความรู้สึก หรือเหตุการณ์ที่เด็ก ๆ แสดงออกมา และสามารถ ส่งเสริมและแก้ไขพฤติกรรมต่างๆ นั้น ได้อย่างถูกต้อง และสามารถออกแบบกิจกรรมได้อย่างเหมาะสมกับพัฒนาการและวุฒิภาวะของเด็ก

ประเมิน 
ตนเอง:ตั้งใจเรียน เข้าใจ และสามารถตอบคำถามที่อาจารย์ถาม ได้อย่างถูกต้อง
เพื่อน:เพื่อนตั้งใจเรียนดี แต่บางคนอาจจะยังไม่เข้าใจเนื้อหา
อาจารย์:ตั้งใจสอน มีโอนกาสได้ถาม ได้ตอบคำถาม บรรยากาศเป็นกันเอง ตึงเครียดบ้างเป็นบางจังหวะ

บันทึกการเรียนครั้งที่ 1 วันอังคาร ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2559 (ชดเชย)

ชดเชยครั้งที่ 1
วันอังคาร ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2559
ความรู้ที่ได้รับ
  • แนวทางการเรียน
  • รายละเอียดการทำบล๊อคภาษาอังกฤษ

รายละเอียดการทำบล๊อค

1.ชื่อบล๊อค : Science Experiences Management for Early Childhood2.คำอธิบาย :E-Portfolio

3.โครงสร้าง 

- วันที่ : day

- นาฬิกา : clock

- ปฏิทิน: calendar

- สถิติ 

- รูปโปรไฟล์ :Profile
4.หน่วยงานสนับสนุน : มอค.3
5.งานวิจัยวิทยาศาสตร์ : ใช้ยังไง/แผนเขียนยังไง
6.บทความ : สกัดจากหลายๆ ที่เพื่อเกิดความตระหนักย้ำเตือน (หัวข้อใหญ่ รอง ย่อย)
7. สื่อ (เพลง/นิทาน/เกม/ของเล่น/แบบฝึก)

การบันทึก
1.ความรู้ที่ได้รับ : รายละเอียด
2.การประยุกต์ใช้ : การเข้าสู่บทเรียน/การออกแบบกิจกรรม
3.การประเมินผล : สภาพแวดล้อม/ตนเอง/ผู้สอน

ก่อนเรียน
รายละเอียดการทำบล๊อค





วิชา การจัดประสบการณ์วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
วิทยาศาสตร์คือ การศึกษาสืบค้นข้อมูลความจริงที่้เกี่ยวกับสิ่งต่างๆ รอบตัวโดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น การสังเกต การทดลอง การใช้เหตุผล การสำรวจ การแก้ปัญหา การวิเคราห์ การสรุปผล เป็นค้น เพื่อให้ได้ความรู้และข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์
นิยาม
- สมมุติฐาน
- สังเกต
- ทดลอง 
- สำรวจ
- วิเคราะห์
- ขอบเขตเนื้อหา
- สรุป

การจัดประสบการณ์
โลก ดาราศาสตร์ สิ่งรอบตัว 
สาระสำคัญ(เนื้อหา)
1.ธรรมชาติรอบตัว
2.สิ่งต่างๆรอบตัว
3.บุคคลและสถานที่
4.ตัวฉัน

วิธีการคิดเรื่อง
1.สิ่งใกล้ตัวเด็ก
2.มีผลกระทบกับเด็ก
3.ความสนใจของเด็ก ณ ขนาดนั้น

แนวคิดพื้นฐานทางวิทยาศษสตร์
1.การเปลี่ยนแปลง
2.การปรับตัว
3,ความแตกต่าง
4.พึ่งพาอาศัย
5.ความสมดุล

เครื่องมือในการเรียนรู้
1.ภาษา
2.คณิตศาสตร์

เจตคติทางวิทยาศาสตร์
1.อยากรู้อยากเห็น/ช่างสังเกตฝทดลอง
2.มีความเพียรพยายาม
3.ละเอียดรอบคอบ/มีระเบียบ
4.มีความซื่อสัตย์
5.มีเหตุผล
6.ใจกว้าง

ความสำคัญของวิทยาศาสตร์
วิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่ตอบสนองต่อการดำรงชีวิตทำให้สะดวกสบาย สำคัญการสร้างเสริมประสบการณ์ให้ประโยชน์ทำให้เกิดความเชื่อมั่นในตนเอง

คำศัพท์
  1. Science:วิทยาศาสตร์
  2. Experiences:ประสบการณ์
  3. Management:การจัดการ
  4. Early:เริ่มต้น
  5. Childhood :วัยเด็ก

การนำไปประยุกต์ใช้
 ได้เรียนรู้ถึง ภาพรวมของเนื้อหาในการเรียนทั้งหมด สามารถนำไปอธิบายให้เด็กๆ ฟัง ได้ สำหรับการเรียนครั้งแรกที่เจอกัน ว่าเด็กๆ จะต้องรู้อะไรบ้าง เป็นประโยชน์สามารถนำไปใช้ได้จริงในอนาคต

ประเมิน
ตนเอง : บรรยากาศมีความเป็นกันเอง ตั้งใจเรียน สนุกดีค่ะ
เพื่อน : เพื่อนๆ สนใจฟังดี
อาจารย์ : อาจารย์อธิบายรายละเอียดในการเรียน อย่างละเอียด เปิดโอกาสให้ได้ถาม